บล็อกเชน (Block Chain) เพื่อการเกษตร

เทคโนโลยี Blockchain ถือเป็นการปฏิวัติระบบการสร้างความน่าเชื่อถือแบบดั้งเดิมซึ่งอาศัยตัวกลาง อย่างเช่นระบบเงินตราที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีธนาคารทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกำหนดค่าเงินและช่วยดำเนินธุรกรรมต่างๆ โดยธนาคารจะเก็บข้อมูลธุรกรรมเหล่านี้ไว้เป็นความลับ ดังนั้นหากธนาคารหมดความน่าเชื่อถือธุรกรรมทั้งหมดก็ขาดความน่าเชื่อถือไปด้วย ในขณะที่ Blockchain นั้นเป็นระบบการสร้างความเชื่อใจแบบไม่อาศัยตัวกลางแต่อาศัยการสร้างเครือข่ายแทนเปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนกับการสร้างบัญชีธุรกรรมขนาดใหญ่ที่มีการบันทึกประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดและทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายมีสิทธิ์เข้าถึงได้ การบันทึกประวัติจะเกิดขึ้นเป็นรอบโดยข้อมูลธุรกรรมจะถูกเก็บไว้ใน บล็อก (Block) ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องบรรจุข้อมูลธุรกรรมที่มีรหัสล็อค ในแต่ละรอบการบันทึกจะมีบล็อกใหม่เพิ่มเข้ามาในระบบเรื่อยๆและแต่ละบล็อกนั้นเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ (Chain) ตามลำดับเวลา การบันทึกข้อมูลธุรกรรมแต่ละครั้งจะต้องได้รับการยอมรับจากคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเครือข่าย หากมีผู้ใดสร้างบล็อกที่มีธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือมี “การโกง”ข้อมูลจะไม่สอดคล้องกับบล็อกอื่นๆที่ถูกบันทึกก่อนหน้าทำให้คนอื่นๆที่อยู่ในเครือข่ายรู้ถึงความผิดปกติและจะไม่ยอมรับการบันทึกบล็อกข้อมูลนั้น ทางเดียวที่เป็นไปได้ในการโกงคือต้องย้อนกลับไปถอดรหัสและแก้ไขบล็อกอื่นๆที่ถูกบันทึกก่อนหน้าทีละอันดังนั้นในเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และมีบล็อกจำนวนมากการโกงนั้นเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ เทคโนโลยี Blockchian หรือที่มักเรียกกันว่า “บัญชีธุรกรรมแบบกระจาย” จึงสามารถสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมได้โดยอาศัยเครือข่าย
ด้วยหลักการดังกล่าว จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร
และปศุสัตว์เพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคด้วยหลักการดังกล่าว จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตรและปศุสัตว์เพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ในระบบเกษตรกรรมและอาหาร blockchain อาจช่วยแก้ไขปัญหาได้ในหลายแง่มุม